
ไฟฉุกเฉิน Emergency Light เป็นอุปกรณ์เซฟตี้อีกอย่างหนึ่งที่ให้แสงสว่างสำรองในอาคาร โดยทั่วไปหากไฟฟ้าภายในอาคารเกิดดับ ตัวไฟฉุกเฉินก็จะติดขึ้นอัตโนมัติในการให้แสงสว่างเพราะอาศัยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ตัวไฟฉุกเฉินจะมีการชาร์จอยู่กับไฟอาคารหรือไฟบ้านตลอดเวลาเพื่อให้พร้อมใช้งานทุกครั้งหากเกิดเหตุไฟฟ้าดับ
ข้อควรรู้การติดตั้งไฟฉุกเฉินภายในอาคาร
ตำแหน่งควรสูงจากพื้น 2 เมตร
การติดตั้งไฟฉุกเฉินสิ่งสำคัญอันดับแรกคือตำแหน่งการติดตั้งควรอยู่สูงจากพื้นตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป โดยวัดจากพื้นที่ด้านล่างของตัวไฟฉุกเฉิน หากต่ำกว่า 2 เมตร สามารถทำได้ แต่จะต้องไม่กีดขวางเส้นทางหนีไฟ
ติดตั้งในพื้นที่ที่เหมาะสม
การติดตั้งไฟฉุกเฉินควรเลือกติดตั้งในพื้นที่ที่เหมาะสมแต่ละสถานที่ หากเป็นอาคารให้ติดตั้งบริเวณทางออก ทางเดิน ทางหนีไฟเป็นหลักเพื่อช่วยส่องแสงสว่างหากเกิดเหตุไฟดับ หากเป็นบ้านหรือที่พักอาศัย ควรติดใกล้กับประตูและบันไดเส้นทางที่สามารถออกจากตัวบ้านได้
ทดสอบระบบหลังการติดตั้งไฟฉุกเฉิน
การติดตั้งไฟฉุกเฉินสามารถติดตั้งได้ทั้งบนผนังและพื้น การทดสอบหลังจากการติดตั้งทดสอบโดยการกดปุ่ม Test ค้างไว้ หลอดไฟจะให้แสงสว่าง และถ้าปล่อยมือออกจากปุ่มหลอดไฟก้จะดับทันที การสังเกตุหลอดไฟของตัวไฟฉุกเฉิน ให้สังเกตุหลอดไฟ AC สีแดง ถ้ามีสว่าง แสดงว่าไฟเข้าเครื่องเริ่มใช้งานได้ ส่วนไฟสีเหลือง หากมีแสงสว่างคือการชาร์จแบตเตอรี่แต่ถ้ากลายเป็นสีเขียว แสดงว่าแบตเตอรี่เต็มแล้วนั้นเอง
ความสว่างต้องไม่น่อยกว่า 90 นาที
ระยะเวลาหลังจากไฟอาคารดับลง ตัวไฟฉุกเฉินควรต้องให้ความสว่างไม่น้อยกว่า 90 นาที หรือถ้าเป็นการติดตั้งภายในอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารสูง ไฟฉุกเฉินควรให้ความสว่างต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 120 นาทีขึ้นไป
ไฟฉุกเฉินควรมีความสว่างไม่น้อยกว่า 1 ลักซ์
แสงสว่างของไฟฉุกเฉิน หากเป็นการติดตั้งในอาคาร ที่พัก ช่องทางเดินหนีภัยต่าง ๆ ไฟฉุกเฉินควรมีความสว่างไม่น้อยกว่า 1 ลักซ์ และในส่วนของพื้นที่เก็บอุปกรณ์ดับเพลิงตามอาคาร ควสามส่องสว่างในพื้นที่เหล่านี้ต้องไม่น้อยกว่า 15 ลักซ์ ในรัศมีจากตำแหน่งติดตั้งอุปกรณ์
ป้ายไฟฉุกเฉิน
เป็นป้ายไฟที่ช่วยบอกเส้นทางการหนีภัยพร้อมส่องแสงสว่างในกรณีที่ไฟฟ้าดับ โดยเครื่องจะส่องสว่างอัตโนมัติ เพื่อให้หน่วยงานมีแสงสว่างในเวลากลางคืน
